Lucky Charms Rainbow

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด (อันดับ2)


อันดับ  2   เมือง นิวยอร์ก  New York City  ประเทศ  สหรัฐอเมริกา  United States of America
(จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ  10,786,100  คน / นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.1 จากปี 2008 )

 


เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาและอันดับต้นๆของโลก     จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม และบันเทิงที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติอีกด้วยนอกจากจะเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดแล้ว **ส่วนพื้นที่ต่อประชากรยังถือว่าหนาแน่นที่สุดในสหรัฐอเมริกาลักษณะ เฉพาะของนิวยอร์กที่แตกต่างไปจากเมืองแห่งอื่นของสหรัฐ อเมริกามีให้เห็นหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ระบบขนส่งที่มีโครงข่ายขนาดใหญ่ ระบบรถไฟใต้ดินนครนิวยอร์กที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงการจราจรและผู้คนที่พลุพล่านอยู่ตลอดเวลา จึงมีคำเปรียบเปรยถึงนิวยอร์กว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล  นิวยอร์กมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเกาะแมนแฮตตัน นักท่องเที่ยวมักจะแวะตามที่สถานที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ ตึกเอมไพร์เสตต ตึกไครส์เลอร์ ไทม์สแควร์ เทพีเสรีภาพ

เทพีเสรีภาพ

เป็นอนุสาวรีย์ที่ยิ่งใหญ่ และมีคุณค่าทางจิตใจ ในภาษาอังกฤษ เรียกว่า Statue of Liberty แต่เดิมชื่อว่า Liberty Enlightening TheWorld ตั้งอยู่ ณ เกาะเบคโล ปากอ่าวแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบเอาไว้เป็นของขวัญแก่ชาวอเมริกัน ในวันที่อเมริกาเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปี ณ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2419 โดยส่งมอบอย่างเป็นทางการ โดยมี ประธานาธิบดีโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2429 ปี พ.ศ. 2527 องค์การยูเนสโก ประกาศให้อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ เป็นมรดกของโลก ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมไม่น้อยกว่า 800,000 คน ตามปกติแล้ว ประชาชนสามารถขึ้นไปชมวิวบนส่วนหัวมงกุฎของเทพีได้ แต่หลังเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 ทางการได้สั่งปิดอนุสาวรีย์ดังกล่าว ล่าสุด มีการเปิดให้นักท่องเที่ยว สามารถเดินทางไปที่เกาะ เพื่อชมความสวยงามของอนุสาวรีย์จากด้านล่างได้ แต่ยังตัวอนุสาวรีย์ยังปิดอยู่ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่ส่วนฐานของอนุสาวรีย์ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย
   
เซ็นทรัลพาร์ค
เป็นสวนสาธารณะขนาด 843 เอเคอร์ (3.4 ตร.กม. หรือประมาณ สนามฟุตบอล 460 สนามต่อกัน) ตั้งอยู่ในเขตแมนฮัตตันของนครนิวยอร์ก เซ็นทรัลพาร์คเปรียบเสมือนโอเอซิสสำหรับชาวแมนฮัตตัน สวนนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก หลังจากปรากฏในภาพยนตร์และละคโทรทัศน์หลายเรื่อง ตึกเอมไพร์สเตท (Empire State Building) เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก โดยปัจจุบันสูงเป็นอันดับที่ 14 ของโลกตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์ก ประเทศอเมริกา มีทั้งหมด 102 ชั้น สูงจากพื้นดิน 381 เมตร (1250 ฟุต) มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 2,158,000ตารางฟุต จุคนได้ 25,000 คน บนยอดสุดมีโดมสูงขึ้นไปอีก 60 เมตร จากชั้นล่างถึงชั้นที่ 86 มีโครงเหล็กเสริมอย่างดี คิดเป็นน้ำหนัก730 ตัน เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2472 สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
   

สะพานบรูคลิน
เป็นสะพานแขวนที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีความยาว 1825 เมตร ทอดข้ามแม่น้ำอีสต์ เชื่อมระหว่างนิวยอร์กซิตี แมนฮัตตัน และบรูคลิน
วอลล์สตรีท
ตั้งอยู่ในแมนแฮตตันตอนใต้ ก็ถือเป็นศูนย์กลางที่มีอิทธิพลต่อระบบการเงินของโลกมาตั้งแต่สงครามโลก ครั้งที่ 2 และเป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค
กราวด์ซีโร่
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งถูกจารึกในประวัติศาสตร์ของ สหรัฐอเมริกา เนื่องจาก กราวด์ซีโร่เคยเป็นที่ตั้งของตึกแฝด World Trade Towerไปยังกราวด์ซีโร่ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่ช็อคคนทั้งโลกในเหตุการณ์คราวนั้น

Timesquare
ไทม์สแควร์เป็นจุดตัดสำคัญของถนนใน แมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก โดยเป็นจุดตัดของถนนบรอดเวย์ กับ ถนนเซเวนท์ เอเวนิว อีกทั้งยังเป็นจุดที่อยู่ระหว่าง ถนนเวสต์ โฟตี เซเคอนด์ สตรีท กับ ถนนเวสต์ โฟตี เซเวนท์ สตรีท ซึ่งไทม์สแควร์ทอดตัวยาวอยู่บนพื้นที่ในบล็อกระหว่างถนนซิกท์ เอเวนิว กับ ถนนเอกท์ เอเวนิว ในความยาวแนวตะวันออก - ตะวันตก และอยู่บนพื้นที่ระหว่างถนนเวสต์ โฟตีท์ สตรีท กับ ถนนเวสต์ ฟิฟท์ตี เทิร์ด สตรีท ในแนวเหนือ - ใต้ โดยไทมสแควร์เองได้กลายเป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งบนฝั่งตะวันตกของย่านธุรกิจการ ค้าในเขตมิด
ทาวน์ แมนฮัตตัน



วอลท์ ดิสนีย์ เวิลด์






สถานที่ตั้ง  ตั้งอยู่ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา
 วอลท์ ดิสนีย์ เวิลด์ ที่ ออร์ลันโด รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็น สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ถึง 30,000 เอเคอร์ ใช้งบประมาณพัฒนาถึง 400 ล้านดอลลาร์ ได้ต้อนรับคนรักสนุกครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1971
เวลาเปิดปิดสวนสนุก ชึ้นกับฤดูกาล เมื่อเข้าไปข้างในจะพบ ปราสาทเทพนิยายที่ตั้ง เด่นเป็นสัญลักษณ์ ดินแดนต่างๆ ตั้งแต่แอดเวนเจอร์แลนด์ ผจญภัยกับโจรสลัดแคริบเบียน ล่องเรือท่องป่าซาฟารี เครื่องเล่นสแปสชเมาแท่น รถไฟด่วนบิ๊กธันเดอร์ที่ฟรอนต์เทียร์แลนด์ สมอลล์เวิลด์อลิซในดินแดนมหัศจรรย์ ดัมโบ้ช้างบิน เงือกน้อยแจกลายเซ็นที่แฟนตาซีแลนด์ และ ดินแดนแห่งอนาคตที่ทูมอโรว์แลนด์
 แต่สวนสนุกที่ที่มีคนไปมากที่สุดในโลก คือ โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ด้วยสถิตินักท่องเที่ยวมากถึง 17.80 ล้าน คนต่อปี มีพื้นที่เพียง 114.2 เอเคอร์เท่านั้น
น้ำตกไนแองการ่า

  น้ำตกไนแองการ่าแหล่งท่องเที่ยวที่ลือลั่นสนั่นโลก และเป็นแหล่งที่ทำเงินให้กับแคนาดาและสหรัฐอเมริกาปีหนึ่ง ๆ นับจำนวนมหาศาล เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เคยที่จะร้างห่างลาผู้คน ไม่ว่าจะเป็นฤดูหนึ่งฤดูใดก็ตาม ภาพของน้ำตกไนแองการ่าที่ไหลลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ เป็นผืนน้ำขนาดใหญ่ที่ดูเป็นแอ่งนิ่งและสงบอยู่ในแผ่นดินทางสหรัฐอเมริกา แต่ถัดมาที่มีลักษณะเป็นรูปเกือกม้าขนาดใหญ่กลับเป็นภาพของ กระแสน้ำที่หลั่งทะลักลงจากหน้าผาสูงเป็นแนวกว้าง กระโจนลงสู่พื้นเบื้องล่าง และเพราะแรงกระทบที่ตกลงไป ส่งผลให้เกิดละอองกระเซ็นสาดไปทั่วบริเวณ เมื่อกระทบกับแสงแดดที่สาดเข้าใส่ละอองเหล่านั้นจะปรากฏเป็นภาพของรุ้งกินน้ำ ประดับบริเวณน้ำตกอยู่ตลอดเวลา ส่วนความมหึมาของน้ำตกตรงจุดนี้เขาเรียกกันว่า "แคนาเดี่ยนฟอลส์" ส่วนบริเวณชั้นของน้ำตกส่วนล่างลงมา ซึ่งก็เป็นบริเวณที่เป็นชั้นน้ำตก ตกลงไปกระทบพื้นล่าง เป็นระดับแนวยาวขนานกันกับชั้นบนมามีชื่อเรียกว่า "อเมริกัน  ฟอลส์"

เป็นน้ำตกขนาดใหญ่หลายแห่งประกอบกัน ตั้งอยู่บนแม่น้ำไนแอการาทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ บนพรมแดนระหว่างประเทศแคนาดากับสหรัฐอเมริกา น้ำตกไนแอการาประกอบด้วยน้ำตกสามแห่งที่แยกออกจากกัน คือ น้ำตกเกือกม้า (Horseshoe Falls บางครั้งก็เรียก น้ำตกแคนาดา) สูง 158 ฟุต, น้ำตกอเมริกาสูง 167 ฟุต, และน้ำตกขนาดเล็กกว่าที่อยู่ติดกัน คือน้ำตก Bridal Veil. แม้น้ำตกไนแอการาจะไม่สูงอย่างโดดเด่น แต่ก็กว้างมาก

น้ำตกไนแองการามีจุดชมวิวที่สวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของทั้ง 2 ประเทศมานานกว่าศตวรรษ

แม่น้ำไนแอการาไหลมาจากทะเลสาบอีรีไหลผ่านน้ำตกไนแอการาลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ เมืองสองฝั่งของน้ำตกในสองประเทศนั้นเป็นเมืองแฝด โดยในฝั่งแคนาดาคือ ไนแอการาฟอลส์ ออนตาริโอ ส่วนในฝั่งสหรัฐอเมริกาคือ ไนแอการาฟอลส์ มลรัฐนิวยอร์ก








แกรนด์แคนยอน





แกรนด์แคนยอนถือเป็นความมหัศจรรย์ ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลกถูกจัดให้เป็นหนึ่งในอนุรักษ์สถาน ของโลกโดยตามสภาพภูมิศาสตร์และการลงมติของสหประชาชาติ สำรวจพบสถานที่แห่งนี้ เมื่อปี ค.ศ.1776 ปีเดียวกับที่อเมริกาประกาศเอกราชจากอังกฤษ แต่เพิ่งมารู้ว่ามีแม่น้ำโคโรลาโดไหลผ่านในปี ค.ศ1857 แม่น้ำโคโลราโด ไหลจากทิศเหนือไปใต้สู่ทะเลสาบมี๊ด ระยะทางประมาณ 200 ไมล์ Grand Canyon ถูกจัด ให้เป็นวนอุทยานแห่งชาติของสหรัฐ  แกรนอ์แคนยอนเกิดขึ้นโดยอิทธิพลของแม่น้ำโคโลราโด ไหลผ่านที่ราบสูงทำให้เกิดการสึกกร่อน พังทะลายของหินเป็นเวลา 225 ล้านปีมาแล้ว เดิมทีแม่น้ำโคโลราโดมีสภาพเป็นลำธารเล็กๆที่ไหลคดเคี้ยวไป ตามที่ราบกว้างใหญ่ที่อยู่ ระดับเดียวกับน้ำทะเล ต่อมาพื้นโลกเริ่มยกตัวสูงขึ้น อันเนื่องมาจากแรงดันและ ความร้อนอันมหาศาลภายใต้พื้น โลกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูป และกลายเป็นแนวเทือกเขากว้างใหญ่ การยกตัว ของแผ่นดินทำให้ทางที่ลำธาร ไหลผ่านลาดชันขึ้นและทำให้น้ำไหลแรงมากขึ้น พัดเอาทรายและตะกอนไปตาม น้ำเกิดการกัดเซาะลึกลงไปทีละน้อยในเปลือกโลก วัดจากขอบลงไปก้นหุบเหวกว่า 1 ไมล์ ( ประมาณ 1,600 เมตร ) และอาจลึกว่าสองเท่า ของความหนาของเปลือกโลก ก่อให้เกิดหินแกรนิต หินชั้นแบบต่าง ๆ พื้นดินที่เป็น หินทรายถูกน้ำ และลมกัดเซาะ จนเป็นร่องลึกสลับซับซ้อนนานนับล้านปี เป็นแคนยอนงดงามน่าพิศวงเนื่อง จากผลของดินฟ้าอากาศ ความร้อนเย็นซึ่งมีอิทธิพลรอบด้าน
ทางตะวันตกของแม่น้ำโคโลราโด มีลักษณะคดเคี้ยวไปมาน่าสับสนและเป็นที่ตั้งส่วนหนึ่ง ของแกรนด์แคนยอนด้วย โดยยาวถึง 150-200 ไมล์ บริเวณนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ มากที่สุดจุดหนึ่ง ซึ่งก็คงเป็นเพราะทัศนียภาพที่แปลกตาของความลึกของหุบเขาและลักษณะของ แม่น้ำที่มีรูปร่างทรงกรวยและไหลเป็นหลั่น ๆ ชั้นลงไปโดยเกิดจากลาวาที่ทับถมจากภูเขาไฟเมื่อหลาย ล้านปีก่อนนั่นเอง
บริเวณหน้าผาของแกรนด์ แคนยอน แม่น้ำโคโลราโดได้เดินทางมาบรรจบ กับแม่น้ำ"เวอร์จิน" ซึ่งเป็นที่ตั้งของทะเลสาบ "มี๊ด" ด้วยจุดนี้ ไม่เพียงแต่เป็นจุดสิ้นสุดของแกรนด์ แคนยอนเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดสำคัญทางธรณีวิทยาแห่งหนึ่ง อย่างดีทั้งนี้เพราะสภาพบรรยากาศที่แปลกแตกต่างจากที่อื่นอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบ กับที่ราบสูงโคโลราโดทางตะวันออก 2 จุดนี้เป็นจุดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของโครงสร้าง ภูมิศาสตร์ หรือประวัติศาสตร์  ในทางใต้ของแม่น้ำสายนี้ จะเป็นทางลาดลงไปกว่า 3,000 ฟุต โดยเกิดจากดินทรายที่พัดพามาจากที่สูงแถบนี้เป็นที่ตั้งของที่ราบสูง "ตอนใต้" และห่างออกไป 70 ไมล์ก็เป็นที่ตั้งของช่องแคบ "อินเนอร์ กอล์ฟ"ที่เป็นรูปตัว "วี" แคบ ๆ และกว้าง 300 ฟุตนอกจากนี้สีสรรของสายน้ำก็ยังเปลี่ยนแปลงไปด้วย บางวันก็เป็นสีน้ำตาล บางวันก็เป็นสีเขียว ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนของตะกอนที่พัดพามาแต่ละวัน
 นอกจากนั้น ในบริเวณซอกหลืบของหุบเขาน้อยใหญ่ยังมีการค้นพบร่องรอยอารยธรรม ของชาวอินเดียน แดงโบราณ ซึ่งยังมีลูกหลานดำรงชีวิตแบบดั้งเดิม และบางส่วนก็ยังคงอยู่ที่ แกรนด์แคนยอน จนถึงทุกวันนี้ เช่น อินเดียนแดงเผ่า Hopis, Havasupais, Navajos, Hualapais, Paiutes, Pueblos เป็นต้น ทุก ๆ ปีจะมีคนไปชมความมหัศจรรย์ของแกรนด์แคนยอนไม่ต่ำกว่าสองล้านคน







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น